ไม้โอ๊ค - OAK WOOD



ไม้โอ๊ค (Oak Wood)
ไม้โอ๊ค วัสดุธรรมชาติที่ผสมผสานความแข็งแรง ทนทาน และความสวยงามอย่างลงตัว ได้รับความนิยมสูงในวงการก่อสร้างและตกแต่งบ้านมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณสมบัติเด่นดังนี้
- ความแข็งแรง ทนทาน: ไม้โอ๊คเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความหนาแน่นสูง ทนทานต่อแรงกระแทก รอยขีดข่วน และการสึกหรอ เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น พื้นห้องนั่งเล่น พื้นโถงบันได พื้นห้องทำงาน
- ความสวยงาม: ไม้โอ๊คมีลายไม้ที่โดดเด่น สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ มีให้เลือกหลากหลายเฉดสีและลวดลาย เหมาะกับการตกแต่งบ้านในหลากหลายสไตล์
- ความอบอุ่น: ไม้โอ๊คเป็นวัสดุธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดธรรมชาติ ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายภายในบ้าน
- ความยั่งยืน: ไม้โอ๊คเป็นไม้เนื้อแข็งที่เติบโตเร็วและสามารถปลูกทดแทนได้ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Arrow Wood ผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นไม้ มุ่งมั่นนำเสนอไม้โอ๊คคุณภาพสูงจากต่างประเทศ คัดสรรสายพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทย ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย ควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด
จุดเด่นของพื้นไม้โอ๊คจาก Arrow Wood:
- หลากหลาย: นำเข้าไม้โอ๊คหลายสายพันธุ์ มีให้เลือกหลากหลายเฉดสี ลวดลาย และขนาด เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย
- สวยงาม: ผ่านกรรมวิธีการขัดสีอย่างพิถีพิถัน เผยให้เห็นลายไม้ที่ชัดเจน สวยงาม
- ทนทาน: ผ่านการเคลือบท็อปโค้ทคุณภาพสูง ป้องกันรอยขีดข่วน ความชื้น และรังสียูวี
- คุ้มค่า: ราคาเริ่มต้นเพียง 1,395 บาท
- บริการครบวงจร: ให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และดูแลรักษาโดยทีมช่างผู้ชำนาญ
Arrow Wood เข้าใจดีว่าพื้นไม้โอ๊คแต่ละแผ่นเปรียบเสมือนงานศิลปะที่สร้างความแตกต่างให้กับบ้านของคุณ เราจึงให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด คัดสรรไม้โอ๊คคุณภาพสูง ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐาน เพื่อมอบความสวยงาม ทนทาน และความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า
เลือก Arrow Wood เลือกสัมผัสความหรูหราจากธรรมชาติสู่บ้านของคุณ

พื้นไม้โอ๊คเอ็นจิเนียร์ (Engineered Oak Wood Flooring)
พื้นไม้โอ๊คเอ็นจิเนียร์ ถือเป็นตัวเลือกชั้นยอดในปัจจุบัน ด้วยความสวยงามทนทานและมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร ไม่ว่าคุณต้องการสไตล์คลาสสิก ธรรมชาติ เรียบหรู หรือทันสมัย ให้คุณมองหาที่ตอบโจทย์ทั้งการออกแบบและการใช้งานของคุณ
นอกจากนี้ พื้นไม้โอ๊คเอ็นจิเนียร์ยังมีความทนทานสูง เนื่องจากทำจากไม้โอ๊คแท้ที่มีเนื้อไม้แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานและรอยขีดข่วน อีกทั้งยังมีระบบการติดตั้งแบบคลิกล็อค ทำให้ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว
สำหรับราคาของพื้นไม้โอ๊คเอ็นจิเนียร์นั้น ขึ้นอยู่กับความหนาของไม้ รูปแบบของลวดลาย และคุณภาพของไม้ โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,500 บาทต่อตารางเมตร
หากคุณต้องการเลือกพื้นไม้โอ๊คเอ็นจิเนียร์ ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- สไตล์การตกแต่งที่ต้องการ
- ขนาดของพื้นที่ที่ต้องการปูพื้น
- งบประมาณที่มี
โดยคุณสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นไม้เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกพื้นไม้โอ๊คเอ็นจิเนียร์ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
ตัวอย่างภาพพื้นไม้ที่ผ่านการเคลือบ
PU (Polyurethane) และ Top coat oil
DARK OAK

DARK WALNUT

EBONY

EXOTIC

PEARL GREY

JADE

LIGHT ANTIQUE

MERBAU

OAK TEAK

OAK WENGE

WHITE100

PURPER HEART

WALNUT

WHITE50

IROKO

GREY 50

AFZELIA

CAMEL

CHERRY

COFFEE

TOP COAT-WHITE50

TOP COAT TEAK

TOP COAT WHITE KRIJT

TOP COAT-WHITE100

TOP COAT GREY100

TOP COAT NATURAL

SMOKE-CARBONIZED

SMOKE-LIGHT

SMOKE-DARK

BRUSH OAK AFZELIA
TOP COAT

BRUSH OAK WHITE50
TOP COAT

BRUSH OAK WHITE100
TOP COAT

STAR 7

EVENING-ALU

OASE-MIST

WHALE BONE
WHITE100 TC

BLOCK-SMOKE-
DARK-OAK

MULTI WIDTH OAK
OXI WHITE10

จากภาพด้านบนจะเห็นว่าแม้โทนสีจะใกล้เคียงกันแต่เมื่อนำไม้ไปเคลือบน้ำยา ที่ต่างชนิดกัน ก็จะทำให้สีของไม้มีความแตกต่างกันทันที เพราะน้ำยาเคลือบแต่ละประเภทนั้นได้ส่งผลให้สีของไม้โอ๊คต่างกันออกไป
เราใช้เทคนิคการย้อมสีจากธรรมชาติโดยจากการสกัดสีจาก Colour Pigment ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษที่ทำให้สีออกมาสวยสมบูรณ์แบบ ทำให้สีกลมกลืนไปกับเนื้อไม้เดียวกันมากขึ้น และหลังจากนั้นเราก็จะทำการเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบออยล์สูตร Top Coat ตามด้วยการรมควันช่วยเพิ่มกะพี้ไม้ให้เห็นชัดมีความเข้มขึ้น และขั้นตอนสุดท้าย จะมีการขัดเสี้ยนไม้เพื่อให้ได้ลายไม้ที่ชัดเจน สวยงาม เปรียบเสมือนไม้จริง
พื้นไม้เคลือบของ Arrow Wood จะมีความแตกต่างของสี เนื่องจากในน้ำยาเคลือบแต่ละชนิดนั้นก็จะส่งผลต่อความเข้มของเฉดสีด้วย โดยการเคลือบด้วยออยล์จะส่งผลให้ผิวของไม้นั้นออกไปเกิดความมันเงา ส่วนการเคลือบแบบ PU (Polyurethane) จะทำให้สีของพื้นไม้ด้านขึ้น
เหตุใดจึงต้องใช้ไม้โอ๊ค หรือ พื้นไม้โอ๊ค?
เสน่ห์อันยั่งยืนของไม้โอ๊คในงานออกแบบตกแต่งภายใน
ไม้โอ๊คเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากในงานออกแบบตกแต่งภายในมาอย่างยาวนาน เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งความสวยงาม ความทนทาน และความหลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ในเฟอร์นิเจอร์ พื้น หรือองค์ประกอบตกแต่งอื่นๆ ไม้โอ๊คก็สามารถสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและมีเสน่ห์เหนือกาลเวลาให้กับทุกพื้นที่ได้
ไม้โอ๊คเนื้อแข็ง: สัญลักษณ์แห่งความแข็งแรงและอายุยืน
ไม้โอ๊คเนื้อแข็งโด่งดังในด้านความแข็งแรงและความทนทานเป็นอย่างมาก เนื้อไม้ที่มีความหนาแน่นสูงทำให้มีความทนทานต่อการสึกหรอเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานอย่างหนักและชิ้นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานเป็นประจำ ความแข็งแรงนี้ยังส่งผลให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ชิ้นงานไม้โอ๊คหลายชิ้นสามารถใช้งานได้ยาวนานหลายชั่วอายุคน
ประโยชน์ของไม้โอ๊คเนื้อแข็ง:
ความทนทาน: ทนต่อรอยขีดข่วน รอยบุบ และความชื้น
อายุยืน: สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายศตวรรษหากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
ความสวยงาม: มีโทนสีอบอุ่นและลวดลายเส้นไม้ที่โดดเด่น
ความหลากหลาย: เหมาะสำหรับสไตล์การตกแต่งที่หลากหลาย ตั้งแต่แบบดั้งเดิมไปจนถึงร่วมสมัย
ความยั่งยืน: เป็นทรัพยากรหมุนเวียนได้เมื่อมีการจัดหาอย่างรับผิดชอบ
การประยุกต์ใช้ไม้โอ๊คเนื้อแข็ง:
เฟอร์นิเจอร์: โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ และอื่นๆ
พื้นไม้: พื้นไม้โอ๊คเนื้อแข็งให้ลุคที่หรูหราและคลาสสิก
องค์ประกอบตกแต่ง: แผงผนังไม้ ท่อนไม้ และของตกแต่งอื่นๆ
พื้นไม้โอ๊ค: คลาสสิกเหนือกาลเวลา
พื้นไม้โอ๊คเป็นตัวเลือกยอดนิยมมาหลายศตวรรษ และด้วยเหตุผลที่ดี ความสวยงามตามธรรมชาติ ความทนทาน และความหลากหลายทำให้เป็นคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับการตกแต่งภายในได้ทุกสไตล์
ประโยชน์ของพื้นไม้โอ๊ค:
ความทนทาน: ทนทานต่อการสึกหรอ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานอย่างหนัก
อายุยืน: สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายชั่วอายุคนหากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
ความสวยงาม: มีโทนสีอบอุ่นและลวดลายเส้นไม้ที่โดดเด่น
ความหลากหลาย: มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ สี และการตกแต่งผิว
ความสบาย: ให้ความรู้สึกอบอุ่นและน่าสัมผัสใต้เท้า
คุณภาพอากาศที่ดีขึ้น: ช่วยควบคุมความชื้นและปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร
ประเภทของพื้นไม้โอ๊ค:
พื้นไม้โอ๊คเนื้อแข็ง: ทำจากไม้โอ๊คชิ้นเดียว ให้ความทนทานเป็นเลิศและลุคที่คลาสสิก
พื้นไม้โอ๊ควิศวกรรม: โครงสร้างหลายชั้นที่มีชั้นบนสุดเป็นไม้วีเนียร์โอ๊คจริง ให้ความเสถียรและทนต่อความชื้นได้ดีกว่า
พื้นไม้โอ๊ควิศวกรรม: ทางเลือกสมัยใหม่
พื้นไม้โอ๊ควิศวกรรมเป็นทางเลือกสมัยใหม่ของพื้นไม้โอ๊คเนื้อแข็ง มีข้อดีหลายประการเช่นเดียวกัน โครงสร้างหลายชั้นทำให้มีความเสถียรและทนต่อความชื้นได้ดีกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำและห้องครัว
ประโยชน์ของพื้นไม้โอ๊ควิศวกรรม:
ความเสถียร: มีแนวโน้มในการโก่งและหดตัวน้อยกว่าพื้นไม้โอ๊คเนื้อแข็ง
ทนต่อความชื้น: เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
ความหลากหลาย: มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ สี และการตกแต่งผิว
ติดตั้งง่าย: สามารถติดตั้งทับวัสดุรองพื้นส่วนใหญ่ได้ รวมถึงคอนกรีต
คุ้มค่า: มักจะมีราคาถูกกว่าพื้นไม้โอ๊คเนื้อแข็ง
การประยุกต์ใช้พื้นไม้โอ๊ควิศวกรรม:
ที่อยู่อาศัย: ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ
เชิงพาณิชย์: สำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และสถานที่ให้บริการ
การเลือกซื้อระหว่างพื้นไม้โอ๊คเนื้อแข็งและพื้นไม้โอ๊ควิศวกรรม:
การเลือกซื้อระหว่างพื้นไม้โอ๊คเนื้อแข็งและพื้นไม้โอ๊ควิศวกรรมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงงบประมาณ ไลฟ์สไตล์ และความสวยงามที่ต้องการ พื้นไม้โอ๊คเนื้อแข็งเป็นตัวเลือกคลาสสิกที่ให้ความทนทานเป็นเลิศและลุคที่หรูหรา ในขณะที่พื้นไม้โอ๊ควิศวกรรมเป็นตัวเลือกที่ทันสมัยและหลากหลายกว่า มักจะมีราคาถูกกว่าและติดตั้งง่ายกว่า
สรุป
ไม่ว่าคุณจะเลือกไม้โอ๊คเนื้อแข็ง พื้นไม้โอ๊ค หรือพื้นไม้โอ๊ควิศวกรรม คุณสามารถมั่นใจได้ว่ากำลังลงทุนในวัสดุที่มีคุณภาพสูง ทนทาน และสวยงาม ที่จะช่วยเสริมสร้างการออกแบบตกแต่งภายในของคุณให้โดดเด่นเป็นเวลาหลายปี
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:
ความยั่งยืน: เลือกไม้โอ๊คที่ปลูกอย่างยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การติดตั้งโดยมืออาชีพ: การติดตั้งอย่างเหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคงความทนทานและประสิทธิภาพของพื้นไม้โอ๊ค
การบำรุงรักษาเป็นประจำ: การทำความสะอาดและขัดเงาเป็นประจำจะช่วยรักษาความสวยงามและความเงางามของพื้นไม้โอ๊คของคุณ
ด้วยการพิจารณาความต้องการและความชื่นชอบของคุณอย่างรอบคอบ คุณสามารถเลือกโซลูชันไม้โอ๊คที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโครงการออกแบบตกแต่งภายในของคุณได้
หมายเหตุ:
การแปลนี้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น อาจมีความแตกต่างในรายละเอียดและสำนวนการใช้ภาษา
ขอแนะนำให้ตรวจสอบและปรับปรุงการแปลให้เหมาะสมกับบริบทและวัตถุประสงค์การใช้งาน